ศิลปะในการขี้เกียจ

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ตอนเด็กๆคุณครูสอนผมว่าอย่าขี้เกียจให้ขยันเรียนหนังสือ ตั้งใจเรียน จะได้เป็นเจ้าคนนายคน … อย่าขี้เกียจนะ เดี๋ยวจะไม่มีกิน เมื่อสิ้นเสียงครูในยามเลิกเรียน …เมื่อผมมุ่งหน้าไปที่สนามฟุตบอล สายตาเหลือบเห็นแผ่นไม้เก่าๆ ติดไว้กับต้นไม้ เขียนข้อความว่า “คนขยัน ไม่มีวันอดตาย” ทำให้เด็กน้อยสูงขนาด110เซ็นต์ติเมตรอย่างผมเข้าใจมาตลอดว่า ความขี้เกียจเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ …มนุษย์เราไม่ควรจะรู้จักความขี้เกียจ ..อย่าให้เจอนะไอ้ตัวขี้เกียจ ผมจะต่อยให้คว่ำลงไปกองกับพื้นเลย พอคิดเสร็จก็วิ่งไปแตะบอลกับเพื่อนที่สนามฟุตบอล ทิ้งการบ้านวิชาคณิตศาสตร์คำถามท้ายบท ไว้เบื้องหลัง… แล้วความขี้เกียจก็เป็นเสมือนขี้แมลงวันที่เกาะติดหนึบอยู่ที่พุงด้านขวาของผม …พกพาไปทุกที่… ใช่ครับ ผมมีตัวขี้เกียจ และไอ้ตัวขี้เกียจนี้ก็เหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้วด้วย …. การขับไล่มันออกจากร่างกายนั้นมันยากพอๆ กับการสอบเอ็นทรานซ์เลยทีเดียว ….เอาล่ะ ในเมื่อขับไล่ออกไปไม่ได้ ผมก็ควรจะรู้จักมันและควรหาวิธีอยู่กับตัวขี้เกียจกันอย่างสันติ … แบ่งหน้าที่กันกวาดบ้านบ้าง ล้างจานบ้าง ก็ตามแต่ละวัน…เวรของผม ผมก็ทำ แต่พอถึงเวรของตัวขี้เกียจมันก็ไม่ทำมันซะอย่างนั้น … แต่ตอนไม่ทำมันก็รู้สึกมีความสุข ดีนะ … งั้นแสดงว่า ตัวขี้เกียจมันก็ไม่ใช่จะไร้ประโยชน์ไปซะทุกอย่างนี้ เวลาขี้เกียจทำงาน ผมก็สบายไม่ต้องทำอะไรให้มันเหนื่อย … แต่ถ้าตัวขี้เกียจทำงานเยอะมันก็ทำให้ตังในกระเป๋าผมมันลดน้อยลงด้วย เพราะผมไม่ทำงาน มันก็ไม่มีเงิน ….แล้วเราจะจัดการความขี้เกียจอย่างไรดีละ ให้เหมาะสม …. ผมว่าความยากในการใช้ชีวิตอีกอย่างหนึ่งที่ท้าทาย คือ ศิลปะในการประสานความขี้เกียจเข้าไว้กับชีวิตอย่างลงตัวนะครับ เพราะความขี้เกียจมีราคาแพง บางครั้งผมขี้เกียจทำอะไรบางอย่างผมสูญเงินและโอกาสไปมากมายนัก .. ดังนั้นความขี้เกียจจึงเป็นของแพง สำหรับคนที่กระเป๋าตังบางกว่ากระดาษขนาด A4 แบบผม จึงต้องบริหารความขี้เกียจให้มีคุณภาพอย่างที่สุด คิดอย่างจริงจังว่า เวลาไหนควรขี้เกียจได้ เวลาไหนต้องเก็บความขี้เกียจไว้เบื้องหลัง… ผมเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เวลาเป็นของมีค่า” แต่ผมบอกเลยว่า ความขี้เกียจเป็นของมีค่าไม่น้อยกว่าเวลาเหมือนกัน …ผมว่า มนุษย์เราควรมีสิทธิได้ขี้เกียจนะครับ ถึงแม้มันจะเป็นของแพงก็ตาม หากเรารู้จักการบริหารจัดการแบ่งเวลาขี้เกียจอย่างเหมาะสม ผมว่าชีวิตเราก็จะมีความสุขมากขึ้น… ผมว่าการขยันเป็นสิ่งที่แต่มันเหนื่อย และไม่ใช่เครื่องรับประกันว่า การขยันจะทำให้ประสบผลสำเร็จใจชีวิตเสมอ เพราะ “ถ้าขยันไม่ถูกที่ อีกกี่ปีก็ไม่ประสบความสำเร็จ” … แต่ถ้ารู้จักวิธีขยันอย่างฉลาด และมีโอกาสอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องมากมาย ก็สบายได้ตลอดชีวิต ….ผมว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในชนชั้นนำ เหล่านี้ล้วนแต่ขี้เกียจทุกคน แต่เค้ารู้จักวิธีบริหารจัดการความขี้เกียจ เค้ารู้จักการจ้างคนที่ขยันให้ทำงานแทน เพื่อเค้าจะได้มีสิทธิที่จะขี้เกียจมากขี้น …. ดังนั้นความขี้เกียจเป็นของมีราคา หากคุณจะขี้เกียจครั้งต่อไป ก็จงบริหารความขีเกียจให้เป็น ผมว่า … ความขี้เกียจเป็นสิ่งดีนะครับ … และคนที่ขี้เกียจอย่างมีศิลปะเป็น ไม่มีวันอดตาย… ผมว่าถ้าผมได้มีโอกาสเป็นกลับไปโรงเรียนเก่า ผมจะแอบแก้ข้อความที่เขียนบนแผ่นไม้ใหม่ว่า “มนุษย์ควรมีสิทธิ์ขี้เกียจอย่างฉลาด” คุณว่าครูจะวิ่งไล่แตะผมไหม อิอิ

Back to Top