Second life

ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะเขียนเล่าเรื่องนี้ดีไหม …13603440_10154966318104008_6014736437448287545_oปรึกษากับตัวเองอยู่หลายวัน พิมพ์แล้วก็ลบ พิมพ์แล้วก็ลบ จนตัดสินใจได้ว่า เขียนไว้ดีกว่า อาจจะมีคนด่า คนเกลียดก็ ต้องยอมรับสภาพกันไป แค่ผมอยากเล่า ก็เท่านั้นเอง ….ผมยังจำได้ สมัยผม เรียนที่รามคำแหง ทุก ๆวัน ต้องเน้นย้ำเลยว่าทุกๆ วันที่ต้องนั่งบนรถเมล์ ถ้าเลือกได้ผมจะนั่งริมหน้าต่างด้านขวา เมื่อรถเมล์คันสีขาวสาย107 พ่นควัญสีดำค่อยๆ เคลื่อนออกไป ผมจะเริ่มมองเหม่อออกนอกหน้าต่าง ภายใต้สายตาเหม่อลอยที่แลดูสงบนิ่ง ภายในสมองผมกลับคิดวนเวียนสับสนวุ่นวายเสมอ หนึ่งในเรื่องที่ผมคิดเสมอๆ คือการวางแผนการเลี้ยงลูก ใช่ครับ คุณฟังไม่แปลกหรอกชายร่างผอมแคละเกรนด้วยสารอาหารที่ล่อเลี้ยงไม่พอสำหรับใส้ติ่งอยากมีลูก แต่ผมยังไม่รู้จะมีได้อย่างไรเพราะตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มตั้งแต่ที่ยังเลียตูดหมาไม่ถึง มาจนถึงบัดนี้ยังไม่เคยเฉียดกับการเดินจับมือใครเลย อย่าว่าแต่แฟนเลย จีบใครเค้าก็แทบจะเบือนหน้าหนี เพราะนอกจากรูปร่างผอมเล็กสิวเกลอะกรังแล้วยังมีโรคทรัพย์จางขั้นรุนแรงเป็นประจำตัวอีกด้วย ดังนั้นการอยากมีลูกของผมอาจจะเป็นเหมือนหนึ่งในหลายๆ ความฝันที่ยังดูห่างไกลจากความเป็นจริงราวกับการที่จะหวังให้ลิงตกลงจากต้นไม้ก็ว่าได้ แต่ในระหว่างทางบนรถเมย์ผมก็เฝ้าถึงคิดวิธีเลี้ยงลูก ผมจะเลี้ยงอย่างไรไม่ให้ผิดพลาดเหมือนชีวิตของผมที่แล้วมาอีก ผมจะให้เค้าเรียนภาษาหนักๆ ตั้งแต่เด็ก ผมจะให้เค้าเรียนฟุตบอล เค้าต้องมีสังคมที่ดีๆ เติบโตในครอบครัวที่อบอุ่น ผมจะให้ความรักกับลูกและใกล้ชิดกับลูกมากๆ ผมจะซื้อหุ่นยนต์แปลงร่างตัวใหญ่ๆ ให้กับลูก ลูกผมต้องเรียนสูงๆ จบจุฬามีรถขับไปมหาลัย ลูกผมต้องรูปร่างหน้าตาหล่อ ไม่ขี้เหล่สิวเกรอะกรังเหมือนผม ฯลฯ คิดไป เพ้อไป ฝันไป แล้วชีวิตและเวลาก็ล่วงไปจนถึงบัดนี้ เมื่อผมมองกลับหลังย้อนกลับไป ผมคิดว่าผมคิดแบบนี้มันบ้าและเห็นแก่ตัวสิ้นดีที่อยากให้ลูกมีชีวิตเพื่อแก้ข้อบกพร่องและผิดพลาดของตัวเอง ไม่ได้หวังให้ลูกมีชีวิตของลูก ผมว่าการที่จะมีลูกควรให้เด็กได้เติบโตและเรียนรู้ผิดถูกด้วยตัวของเค้าเอง ไม่ใช่เลี้ยงลูกเพื่อตอบสนองความอยากของตัวเอง ด้วยความที่ภรรยาผมเป็นครูการศึกษาพิเศษผมจึงได้มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับเด็กมากมายและรู้วิธีการเลี้ยงลูกมากกว่ามนุษย์ปกติที่ยังไม่มีลูก ดังนั้นในเวลาที่ผมออกมานอกบ้านแล้วพบเจอวิธีการเลี้ยงลูกของคนในวัยผม ทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า เค้าเหล่านั้นเลี้ยงลูกเพื่อให้เค้ามีชีวิตของเค้าหรือว่าเลี้ยงลูกเพื่อกลบเกลือนบาดแผลและร่องรอยในอดีตเหมือนผมคิดในตอนนั้น ในหลายๆครั้ง ผมว่าเด็กควรจะมีชีวิตในแบบที่เค้าเลือกเอง ได้เรียนเองรู้เอง ได้ล้มเอง ได้ลุกเอง ได้ลำบากเอง ได้เดินเอง ได้พลาดพลาดเอง ได้ประสบการณ์ของตัวเอง เพราะทุกๆ รอยแผลและความผิดพลาดนั้นทำให้เค้าได้เติบโต ผมเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด แต่ทุกๆ ความผิดพลาดก็ได้หล่อหลอมให้ผมเติบโตและมีวิธีการคิดในแบบของผมในตอนนี้ มีหลายคนบอกว่าถ้ามไม่เป็นพ่อแม่คนผมก็ไม่เข้าใจหัวอกหรอกว่า “ความหวัง” กับลูกมันคืออะไรและมากมายแค่ไหน ผมไม่เข้าใจหรอก .. ซึ่งมันก็จริงว่าผมไม่เข้าใจในความคาดหวังดังกล่าว แต่ผมเข้าใจว่า นอกจากความหวังของพ่อแม่แล้ว ยังมีความฝันของลูกเป็นที่ตั้งด้วย .. สิ่งที่ควรทำไม่ใช่เพิ่มความหวัง แต่ให้เพิ่มการเลี้ยงดูเพื่อให้ลูกค้นหาความฝันของลูกต่างหาก และจงอย่าลืมว่า ลูกมีชีวิตของลูกเอง ลูกไม่ใช่ชีวิตที่สองของเรา และไม่ใช่เครื่องมือตอบสนองความฝันของเราด้วย ลูกควรจะมีความฝันของตัวเอง อย่าเอาความฝันของเราเองไปยัดเยียดให้กับลูก เราควรจะเลี้ยงดูให้เค้าเติบโตขึ้นมาเพียงแต่เข้าใจในมารยาทที่ควรใช้ในการอยู่ในสังคม ควรจะสอนให้เค้าเติบโตมาแล้วเต็มไปด้วยความสงสัยและใคร่อยากหาคำตอบ ควรจะเลี้ยงลูกให้เติบโตมาแล้วเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประสบการณ์ ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของลูก เพราะลูกมีพฤติกรรมเลียน ควรฝึกฝนให้เป็นคนรักการอ่าน รักในการเขียน และมีสมาธิ รู้จักกติกา รู้จักการล้ม รู้จักการเสียใจ ผิดหวัง รู้จักการแพ้ และเรียนรู้จากการแพ้ให้เป็น เพราะหากไม่รู้จักการแพ้และผิดพลาดให้เป็นภูมิคุ้มกันในอารมย์ก็จะตกต่ำจนไม่อาจทนความพ่ายแพ้ในภายหน้าได้ ….นั่นต่างหากที่ควรจะสอนลูก เพื่อให้ลูกเป็นลูกเอง …. ผมกับนุ่นเคยคิดเล่นๆ กันว่าถ้ามีโอกาสได้ไปตั้งหลักอยู่ ต่างประเทศเราอาจจะมีลูกกัน และสิ่งที่เราคาดหวังในการเลี้ยงดูลูกคืออย่างเดียว อยากเลี้ยงลูกให้มีความฝันเป็นของตัวเองและวิ่งตามมันอย่างอย่าสนุกสนานตลอดชีวิต เราคิดว่าถ้ามีลูกแล้วเราจะบอกว่าเราไม่มีสมบัติให้ลูก ยกเว้นสมบัติอย่างเดียวที่มีค่าที่สุดที่ของเราก็คือชีวิตของลูก ..เราก็ยกมันให้กับลูกไปแล้ว … แต่ก็นั่นสินะผมจะไปรู้อะไร ผมมันคนไม่มีลูกนิน๊าา … ถ้าผมย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองที่นั่งบนหน้าต่างด้านขวาของรถเมล์สาย107 ได้.. ผมจะบอกว่า แกรไม่ต้องคิดอะไรมากมายนอกจากแกรเรียนรู้จากความผิดพลาดและเติบโตให้เป็น ไม่ต้องให้ลูกเป็น
เพราะลูกควรจะมีชีวิตของลูกเอง …ก็เท่านั้น… จวนจะถึงป้ายหน้าแล้ว เตรียมตัวลงรถได้แล้ว…

Back to Top