กฎแห่งการแลกเปลี่ยน

IMG_3664

วันนี้ผมได้นั่งอ่านบทความหนึ่งตั้งตอนเช้า เรื่อง ตามดูเทคนิค “ขายตรง” โดย groomgrim เขียนใน blogazine ของประชาไท ผมนั่งคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่างทั้งวันว่าทำไมผู้คนถึงได้สมัครเป็นตัวแทนขายตรงกันทั้งๆ ที่รู้ว่าผลสุดท้ายจะจบลงเช่นไร ผมขอสารภาพว่าผมก็เคยเป็นสมาชิกขายตรงอยู่ครั้งหนึ่งในชีวิต สมัยที่เรียนมหาลัยแล้วไม่มีเงินออกตะเวนเดินหางานแล้วเจอป้ายประกาศรับสมัครพนักงานห้าง พอนัดหมายเจอกันจริงๆ เค้าบอกว่าเป็นงานขายตรงเสียค่าสมัครสามร้อย ผมนั่งฟังอบรมอย่างไม่รู้เรื่องและจบด้วยการเสียค่าสมัคร 300 บาทแบบ งง ๆ ผมนั่งขำตัวเองตอนนั้นว่าทำไมบ้าเอาเงิน ก้อนโตของเดือนมาสมัครสมาชิกขายตรงได้ยังไง สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะนึกได้ คือคำมั่นสัญญาว่าหากผมสมัครเป็นสมาชิก ชีวิตผมจะดีกว่าเดิม เค้ารับประกันว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ผมจะมีความสุข ผมจะมีเงิน ผมจะมีเวลา ผมไม่ต้องเหนื่อยทำงาน ผมจะได้เงินง่าย ….. โถ่ววว พ่อคุณ พ่อโลกสวย ไม่มีอะไรในโลกได้มาง่ายๆ หรอก … ” มนุษย์ไม่สามารถได้อะไรมาโดยไม่ต้องจ่ายสิ่งตอบแทน เมื่อต้องการสิ่งหนึ่งก็จะต้องจ่ายอีกสิ่งหนึ่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนเสมอ นี่คือกฏการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ” ผมจำจากการ์ตูนเรื่อง Full Metal Alchemist … ดังนั้นทุกๆ อย่างล้วนแต่มีค่าใช้จ่าย ส่วนจะจ่ายด้วยอะไร จ่ายน้อยได้มากหรือจ่ายมากได้น้อยนั้น ก็ล้วนแต่เป็นไปตามเหตุแต่ละปัจจัย ในใจความของบทความที่ผมอ่าน นักขายตรงส่วนมากมักจะยก คำพูดของ พอลที่บอกว่า “การมีความสุขในชีวิตต้องอาศัยสามปัจจัย 1.) เงิน 2.) เวลา 3.) สุขภาพ ทุกวันนี้ผู้คนทำงานเหนื่อยมากเพื่อหาเงิน แต่ก็ไม่มีความสุขเพราะไม่มีเวลา เมื่อแก่จนเกษียณแล้วก็มีเงินเก็บ มีเวลา แต่ไม่มีความสุขเพราะสุขภาพไม่ดี วัฏจักรการหาเงินแบบนี้เรียกว่า แบบ active income คือ ต้องใส่แรงใส่เวลาไปถึงจะได้เงินกลับมา หยุดทำเมื่อไรก็ไม่มีเงิน ไม่มีทางทำให้ชีวิตเรามีความสุขที่แท้จริงได้ เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ย้ายจากฝั่ง active มาหาเงินด้วยวิธีแบบ passive income เพื่อให้สุดท้ายเราจะมีทั้งเงิน เวลา และสุขภาพ ไปพร้อมๆ กันได้” ฟังดูเหมือนจะดีนะครับ แต่หากแยกองค์ประกอบออกมาจะพบว่า เงิน เวลา และสุขภาพ นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้วส่วนจะมากหรือน้อยเท่าไร่แล้วแต่ละบุคคลจะใช้มันและต้องการมันเพื่อใช้เท่าไร่ ผมได้รู้จักหลายคนที่ได้ลาออกจากงานที่สร้างรายได้ประจำของเค้าออกมาเดินตามหาฝันโดยได้ทุ่มแรงกาย แรงเงินเก็บ และการสูญเสียมิตรภาพมากมายเพื่อแลกสิ่งเหล่านี้ โดยหนึ่งในคนทีทำแบบนั้นคือรุ่นน้องจบวิศวกรรมศาสตร์จากลาดกระบัง ทำงานได้ 3 เดือนลาออกมาเพื่อขายตรง โดยทิ้งภาระการผ่อนรถและคอนโดให้กับพี่สาวผู้ค้ำประกัน เงินก็แบบมือขอพ่อแม่เพื่อที่จะได้ออกเดินตามหาเครือข่าย เพื่อนฝูงที่เคยมากมายก็หดหายไปจนแทบจะไม่เหลือ ผมว่าราคาที่เค้าจ่ายไปเพื่อความสุขของเค้ามันราคาแพงไม่หยอกเลยนะครับ สุดท้ายในสิ่งที่เค้าหวังไม่ว่าจะเป็น “เงิน เวลา สุขภาพ และความนับถือตัวเอง” แทบจะไม่เหลือติดตัวเลย ผมไม่ได้บอกว่าการขายตรงเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะครับ หลายๆ คนก็ประสบความสำเร็จในชีวิตจากการขายตรงผมก็ยินดีด้วย เพียงแต่หากใครก็ตามที่จะเข้าไปในธุรกิจขายตรงควรจะเต็มใจและยอมรับราคาที่เค้าจะต้องจ่ายไปก่อนที่จะเริ่มก้าวเข้าไป …. เอางี้ดีกว่าผมมีอะไรจะมาเสมอผู้ที่กำลังมองหา “เงิน เวลา สุขภาพ” และผมแถมความนับถือตัวเอง มาให้ฟังด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล ….ผมเสนอ “เงิน” ก่อนเลย หลายคนอยากได้เยอะๆ เพื่อสนองความต้องการของตัวเองอย่างไม่มีจำกัด… โดยค่าใช้จ่ายในการหาเงินนี้แพงมาก เพราะคุณต้องใช้เวลา และสุขภาพแลกมา …เพื่อเงิน เราลองเอาสมการคุณพอล มาดุลใหม่…. ลองลดเงินลงเราจะมีเวลากับสุขภาพเพิ่มขึ้น … ส่วนที่จ่ายออกไป คือ ความอยากได้ของเราจะไม่ได้รับการสนองลง ต้องถามว่าราคาแบบนี้เราจ่ายไหวไหมถ้าแลกกับ สุขภาพและเวลา …. ผมชอบเล่าเรื่องเพื่อนผมคนหนึ่งที่ลาออกจากงานที่มีรายได้ทั้งปี อยู่ประมาณ 750,000 บาท ออกมาทำตามความอยากของตัวเองทำการค้าขายค่าเงินออนไลน์ตอนนนี้ยังไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่หวังเท่าไร่ …ผมถามว่าในตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ลาออกมาว่าชีวิตเป็นยังไงบ้าง …ก็ได้รับคำตอบว่า มีเวลาเพิ่มขึ้น ได้พิเคราะห์ สุขภาพตัวเองว่าสุขภาพตัวเองแย่แค่ไหน ได้ออกกำลังกาย แต่ต้องแลกกับการจำกัดรายจ่ายตัวเองให้เหลือไม่เกินเดือนละ 15,000 บาทซึ่งก็อยู่ได้ ไม่ได้ลำบากอะไร และคิดว่าทำถูกแล้วที่ลาออกมาให้เวลากับตัวเอง ที่ทำงานก็โทรมาถามเสมอว่า พักพอหรือยัง อยากให้กลับไปทำงานได้แล้ว …เพื่อนผมก็บอกว่าคงไม่กลับไปแล้ว …. และยังมีความสุขดีกับชีวิตแบบนี้…. ดังนั้นในความคิดเห็นส่วนตัวจากคนรอบข้างผมก็เสนอให้สำหรับคนที่ยังไม่มีรายได้เพิ่มมากมายนักให้ทำบัญชีรายรับรายได้กำหนดสิ่งใดที่จำเป็น อะไรที่เกินจำเป็น ..ลดทอนความอยากซึ่งเป็นเรื่องยากลง เพื่อที่จะได้เวลาและสุขภาพกลับคืนมา …ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เราจะเจ็บป่วยน้อยลง ลดค่ารักษาพยาบาลได้มากขึ้น หาประกันสุขภาพเพียงพอจะรักษาพยาบาลไว้เสมอ… ระหว่างนั้นก็หาช่องทางเพิ่มรายได้หลายๆ ทางโดยไม่ได้จ่ายสิ่งตอบแทนมากจนบั่นทอนเวลา สุขภาพ และความนับถือตัวเองลง …. ผมว่าก็น่าสนุกดีนะหากเรามีเป้าหมายชีวิตแบบนี้…. ในส่วนผมเองกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างในชีวิตที่จะ ทิ้งเงิน เผาเวลา และลดคุณภาพชีวิตตัวเองลง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแลกกับความฝันอะไรบางอย่างของผม…. ซึ่งก็ไม่อาจตอบได้ว่าคุ้มหรือเปล่าในตอนนี้ …แลเมื่อผมเดินทางออกไปตามหาความฝัน ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า.. สิ่งที่ผมแลกไปนั้น คุ้มค่าหรือเปล่า ครับ….

Back to Top