สมบัติที่มีค่ากว่าเงิน

เมื่อเช้าผมนั่งคิดถึงตอนสมัยผมยังเรียนมหาลัย ตอนนั้นผมค่อนข้างลำบาก พ่อผมเสียชีวิตเหลือแม่เพียงคนเดียวที่ส่งเสียเลี้ยงดู ผมตัดสินใจอาศัยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง เรียกว่าเกาะเพื่อนกินก็ว่าได้ ด้วยความที่แม่ส่งเงินให้เดือนละไม่กี่บาทกระมัง ดังนั้นนอกจากค่าห้องที่ช่วยแชร์ แล้ว เดือนๆ หนึ่งผมจะเหลือใช้เงิน เพียงไม่กี่บาท ผมได้เริ่มทำงาน แต่ก็มันก็คงIMG_3667ยังไม่พอจะกินเท่าไร่ แต่ผมก็มีเพื่อนคนนี้ที่ผมเกาะเค้ากินทำกับข้าวแบ่งปันอาหารจุนเจือกันมาโดยตลอด ผมจำได้ เราทั้งคู่ไม่ค่อยจะมีเงินเท่าไร่ อาหารของเราในแทบทุกมื้อค่ำคือ กระปล่ำปลีผัดวุ้นเส้น กับโครงไก่ทอด หุงข้าวเป็นอาหารที่คุ้นชินแทบจะอยู่กันได้ แต่เพื่อนผมก็ไม่เคยบ่น ก่น หรือด่าผมเลยสักครั้งที่ผมเป็นภาระกับมัน ผมอยู่เป็นภาระเพื่อนสักสามสี่เดือนกระมังผมก็ย้ายหอออกไปอยู่ลำพังเพราะว่าเกรงใจเพื่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งเพื่อนผมเริ่มมีแฟนจึงอาจจะอยากมีเวลาส่วนตัวกับแฟนบ้าง ภายหลังจากแยกจากกันมา ชีวิตเราทั้งสองก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับในทางของตนจนปัจจุบัน โดยทุกๆ ครั้งที่เราหวนกลับไปคุยเรื่องกระหล่่ำปลีผัดวุ้นเส้น เราไม่เคยรู้สึกว่าเราลำบากเลย เรารู้สึกว่าเราก็สบายมีกิน เงินในกระเป๋าตังเรานับเป็นจำนวนหลักร้อยก็ดีหนักหนาแล้ว เงินที่ผมใช้จ่ายทั้งเดือนสมัยนั้น ทุกวันนี้ผมอาจจะใช้มันไม่พอในหนึ่งวันก็เป็นได้ ถามว่าเป็นช่วงเวลาที่ลำบากแต่เราก็มีความสุข มีมิตรภาพที่เริ่มงอกงามในช่วงเวลาลำบาก ผมไม่ใช่คนที่มีเพื่อนเยอะแยะ แต่ผมเหลือแต่เพื่อนที่ดีๆ รอบกาย ผมมองว่าทุกความลำบากย่อมมีสิ่งดีๆ เริ่มต้นขึ้นเสมอ ย่อมมีการเติบโตและมุมมองใหม่ๆ เสมอ เราจะเติบโตเมื่อได้เรียนรู้และผ่านอุปสรรคปัญหา ตอนนี้ทุกครั้งที่ผมนั่งคุยกับเพื่อนเราจะบอกว่าเราไม่กลัวความลำบาก เพราะสุดท้ายเราก็อยู่ได้ในช่วงที่แทบจะไม่เหลืออะไร ถ้าเราจะกลับไปเป็นแบบนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่มีความสุขในแบบของมัน…. ผมโชคร้ายที่มีเพื่อนสนิทสมัยเด็กไม่เยอะ แต่โชคดีที่ในความที่มีไม่เยอะ ทุกคนไม่เคยทิ้งผม ถึงแม้จะลำบากสักแค่ไหนก็ไม่ทิ้งกัน ผมไม่มีเงินผมมีแต่ใจตอบแทน การที่มีมิตรภาพที่ดี จะช่วยให้เราผ่านวันเลวร้ายของชีวิตได้อย่างไม่ยาก ทุกคนย่อมมีวันเลวร้าย แต่วันเลวร้ายนั้นเราจะก้าวข้ามผ่านมันไปพร้อมกับใครหรือเปล่าเท่านั้นเอง…..

ประเทศไทย อยู่ในช่วงที่ลำบากมาหลายปี มีเหตุการณ์ ที่ลำบากมาหลายๆ ครั้ง หากเราได้เรียนรู้จากความผิดพลาด จากปัญหา ประชาชนคนไทยจะเติบโตขึ้นอย่างทุกประเทศและมีบทเรียนในความผิดพลาด แต่หากปัญหาที่เกิดนั้นไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียน ต่างโทษสีนั้น ฝ่ายนี้ ผมว่า ไม่มีวันที่จะก้าวพ้นผ่านไปได้ เพราะเราไม่ได้เรียนรู้จักมัน… เราแค่ลืมมันเท่านั้นเอง … ซึนามิ… ปิสนามบิน …. ไฟไหม้เซ็นทรัลเวิร์ล… หรือเหตุการณ์ ชุมนุมทางการเมืองของเหล่าผู้เชื่อในแบบของตน แต่ก็ไม่ได้เรียนรู้จากการศึกษาสภาพปัญหาเพื่อก้าวข้ามผ่านมันไปอย่างผู้มีปัญญา …. เราชอบดูหนัง เราชอบมีพระเอก เราชอบมีตัวผู้ร้าย ที่ชัดเจน เราชอบมีคน ถูก เราชอบมีคนผิด… แต่ในความเป็นจริงแล้ว โลกล้วนแต่เป็นสีเทา ในคนหนึ่งคนเป็นได้ทั้งคนดี และคนเลว ไม่มีคนที่ดีเต็มร้อยหรือเลวเต็มประดาในสายตาของทุกคน อยากให้ทำความเข้าใจและก้าวข้ามมันไป ไม่ใช่มาโทษ ว่าฝ่ายไหนทำ แต่เราควรช่วยกันแก้ปัญหา เสียมากกว่า…. การซ้ำเติมประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่พูด แค่โพสใน Fb แต่เราต้องทำมันด้วย ลดความเกลียดชังลงสักนิด เพิ่มความเป็นคนขึ้นอีกหน่อย ผมว่าจะเป็นการช่วยประเทศได้มากขึ้น มิตรภาพของคนไทย ประเทศสยามเมืองยิ้มที่เราเคยเชื่อกันไปไหนหมด อย่าเกลียดชังคนชาติเดียวกันถึงขนาดอยากให้ตายให้เป็นเลยครับ ไม่ว่าสีไหน แบบไหน ทุกคนก็คือคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรืออยู่ในประเทศไทย เราในฐานะเจ้าบ้านควรต้อนรับขับสู่ดูแล ไม่ใช่มาซ้ำเติมหรือตอกย้ำโทษกันและกัน เรามาเรียนรู้และช่วยพัฒนายกระดับจิตใจจากเหตุการณ์นี้ดีกว่าครับ

Back to Top