สังคมขี้ฟ้อง

ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันซ้ายแลขวาก็จะมีกระทู้แนะนำใน pantip หรือจะเป็น คลิปที่ถ่ายเพื่อประจานใครบางคน หรืออะไรบางอย่าง ผมว่าพฤติกรรมคนสมัยนี้เป็นสังคมค่อนข้างขี้ฟ้องนะครับ พนักงานมารยาทแย่ ตำรวจพูดจาไม่ดี หรืออะไรต่างๆ ที่ทุกคนพร้อมจะฟ้องสังคม เพื่อให้ตัดสิน โดยในการนำเสนอข้อมูลส่วนมากจะเป็นข้อมูลฝ่ายเดียว จริงบางส่วนและไม่จริงสังคมขี้ฟ้องบางส่วน โดยหลายคนเลือกรับสื่อแล้วก็เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยจนผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นจำเลยสังคมพร้อมได้รับคำตัดสิน โดยปราศจากกระบวนการไต่สวนความผิด ผมเองในฐานะทนายความผมได้พบเจอลูกความที่มี “ข้อเท็จจริงฝ่ายเดียว” อยู่เสมอการเล่าข้อเท็จจริงเพื่อให้ตัวเองถูกหรือดูดี กว่าความเป็นจริง และในทุกครั้งผมจะพยายามสอบถามอย่างจริงจังและย้ำเสมอให้พูดความจริงทั้งหมด เพราะหากเล่าเฉพาะความจริงบางส่วน เมื่อใดที่ความจริงปรากฏ ทนายเทวดา ก็แก้ปัญหาไม่ทัน ดังนั้นผมจะได้ความจริงอีกหลายส่วนเพิ่มขึ้นจากที่เค้าอยากเล่าเสมอ การซักถามข้อเท็จจริง การเตรียมคดี มันยากกว่าการยืนพูดในศาลอีก วิชาการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้หักล้างข้อต่อสู้และข้ออ้างของอีกฝ่าย การเล่าความจริงบางส่วนและถามเพื่อให้ได้ความจริงเฉพาะที่เราต้องการเป็นเหมือนศาสตร์และศิลป์ ดังนั้นความจริงในโลกใบนี้มีชุความจริงอยู่หลายชุด การพิจารณาของสังคมว่าจะเชื่อชุดข้อมูลไหน ก็ต้องพิจารณาในหลายบริบทและข้อเท็จจริงนั้น การฟ้องร้องต่อสังคมเพื่อให้เป็นผู้ตัดสินก็ควรจะได้มีข้อมูลข้อเท็จจริงในอีกฝ่ายเสียก่อนจึงจะตัดสินได้ ผมได้อ่านกระทู้ใน pantip เกี่ยวกับเรื่องตายายร้องต่อสังคมว่าถูกเจ้าของที่ดินปิดล้อมทางเข้า รังแกคนจน ก็เริ่มมีผู้คนตัดสินว่าคนที่ล้อมนั้นแล้งน้ำใจเป็นคนเลว แต่เมื่อความจริงอีกด้านปรากฏว่าได้มีการเจรจาแล้วแต่ตายายนั้น ดื้อรั้นไม่ยอมรับผมการเจรจาจะเอาแต่ประโยชน์ตนแต่ลำพัง การดำเนินการปิดล้อมที่ดินก็ทำตามกฎหมายหาได้ล่วงละเมิดไม่ … ดังนั้นการตัดสินใจใคร หรืออะไรนั้นควรต้องตระหนักให้คงมากว่า ความจริงนั้นมีหลายด้าน เลือกเชื่อด้านไหนก็ได้แต่ควรจะรู้ข้อเท็จจริงให้ครบทุกด้านหรือว่าอย่างน้อยๆ ให้มากกว่าที่ได้รับฟังมา ค่อยเลือกจะตัดสิน ความจริงหลายๆ อย่าง เป็นความจริงที่ถูกปลูกฝังให้เชื่อจากคนมีอำนาจ และเราก็เลือกจะเชื่อความจริงนั้นโดยปราศจากข้อสงสัย ทั้งที่ความจริงมันมีหลากหลายชุดความจริง ผมอยากให้ทุกคนเริ่มตั้งคำถาม และเริ่มสงสัย มากกว่าความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล เพราะความสงสัยจะนำมาซึ่งคำถาม และคำถามจะมีคำตอบที่ตามมา ผมอยากให้ทุกคนมีคำตอบจากการค้นหาด้วยตัวเอง ผมเคยสงสัยในศาสนา สงสัยในความวิเศษ ผมสงสัยในปรัชญา ว่าหลักการที่บอกมันนั้นจริงหรือไม่ ผมสงสัยในการเมืองถึงชุดข้อมูลที่ได้รับว่าเป็นชุดข้อมูลที่ถูกต้องเพียงใด เมื่อเราเริ่มสงสัย เราจะเริ่มค้นคว้าแล้วเราจะได้คำตอบ ในแบบของเราเอง โลกสมัยนี้ ทุกคนล้วนแต่มีสื่อในมือ ดังนั้นสื่อในทุกสื่อล้วนมีทั้งความจริงและความเท็จ ผมเห็นหลายๆ ข้อความที่แชร์กันหรือส่งต่อใน line มาในกลุ่มในมือถือ มีคนเชื่อโดยปราศจากคำถามหรือข้อสงสัย จนหลายครั้งผมหลุดปากสงสัยในข้อเท็จจริงออกไปในสังคม จนได้รับคำตอบว่าเชื่อๆ ไปเถอะเค้าว่าอย่างนี้ … ถึงขนาดบางครั้งเพื่อนโกรธผมที่ตั้งคำถามก็มี แต่ผมถูกสอนมาอย่างนี้ สอนให้ตั้งคำถาม สอนให้สงสัย สอนให้หาข้อมูล สอนให้พิสูจน์ข้อเท็จจริง สำหรับผม ผมคิดว่าเป็นเรื่องจริงที่ดีนะ… แต่อย่าเพิ่งเชื่อผมให้ตั้งคำถาม และสงสัยในบทความที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้แล้วค้นหาข้อมูลว่า มันมีคุณค่าจริงควรจะเชื่อและทำตามหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงแค่ขยะข้อมูลเท่านั้นเอง… ดูหนังอย่าตัดสินใครจากละครฉากแรก ต้องดูให้จบก่อนค่อยตัดสินก็ยังไม่สาย….

Back to Top