บทสนทนาแห่งความแตกต่าง

ผมลองมานั่งคิดถึงบทสนทนาตั้งแต่วัยเด็กถึงปัจจุบันแล้วเคยนั่งพูดคุยกับเพื่อนว่า หัวข้อในแต่ละปีของการสนทนา เปลี่ยนไปทุกๆ ปีและเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เราเติบโตตามพัฒนาการ ผมจำได้ สมัยแรกสุดผมสนทนาในเรื่องของเล่น หนังยาง ลูกแก้ว รดน้ำผัก โตมัธยมผมสนทนาในหัวข้อเพื่อน การแอบรักเพลง RS กับแกรมมี่ มัธยมปปลาย สนทนาในเรื่อง

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

สี อาจารย์สอนพิเศษ ความรักแบบหนุ่มสาว การยอมรับของเพื่อน การเลือกเรียนต่อ พอเข้ามหาลัยบทสนทนาในเรื่องการเรียน ความรัก เรื่องเงิน การสอบ เรียนจบก็คุยเรื่องสมัครงาน สัมภาสงาน เงินเดือนน้อย ทำงานสักห้าปี ก็จะเริ่มคุยเรื่องความรัก เบื่อหัวหน้างาน อยากเปลี่ยนงาน ทำงานหนัก ร้านอร่อย อายุ 30 เริ่มคุยเรื่องครอบครัว แต่งงาน เรื่องลูก แผนอนาคต ลาออก พ่อแม่ อายุ 35 ปี ก็คุยเรื่องธุรกิจ ช่องทาหาโอกาสทำงาน ลูกค้า ความฝัน ลูก ครอบครัว และต่อจากนี้ก็จะมี เรื่องไม่กี่เรื่อง ที่จะคุยกันกับเพื่อน หากมองย้อนหลังแล้วมองไปข้างหน้าจะพบว่า บทสนทนานั้นจะค่อยเติบโตตามพัฒนาการและความรู้ของแต่ละคน บางคนอาจจะอายุเยอะขึ้นแต่บทสนทนายังอยู่ในช่วงวัยที่ต่ำกว่าควรจะเป็น หรือบางคนอายุน้อยแต่สามารถเริ่มบทสนทนาในแบบใหม่ขึ้นก็เป็นได้ แต่บางคนก็ยังติดอยู่กับบทสนทนาในแบบเดิมทั้งที่พัฒนาการของอายุและวัยวุฒิที่เริ่มสูงขึ้น ดังนั้นลองสำรวจตัวเองสักหน่อยว่า ตอนนี้เราอยู่ในบทสนทนาที่ควรจะพัฒนาไปตามวัยหรือเปล่า หรือเรายังยึดติดอยู่กับแบบเดิม เพราะหากเรามองย้อนกลับไปในอดีต บางเรื่องในอดีตโคตรจะสำคัญเลย จะเป็นจะตายเพื่อมัน เพียงแต่วันเวลาผ่านไปเราแทบจะจำมันไม่ได้ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งตอน ม.4 อกหักแอบรักสาว สาวปฏิเสธ หาที่กินเหล้าของเด็ก ม.4 ไม่ได้มากินเหล้าบ้านผมซึ่งผมอยู่คนเดียว และเพื่อนทุกคนอยากจะแสดงออกว่าเสียใจไปกับเพื่อน ก็กินเหล้าหัวลาน้ำ ร้องไห้เสียใจมาก เพื่อนทุกคนสูบบุรี่ วันนั้นเป็นวันเดียวในชีวิตที่ผมสูบบุรี่ และไม่อยากสูบอีกเลย เพราะลิ้นพองกินอะไรไม่อร่อยหลายวันเพื่ออยากแสดงออกว่ารักเพื่อนขับรถมอไซร์ไปหน้าบ้านผู้หญิง เควี้ยงขวดเหล้าตอนตีสอง เค้าเปิดไปออกมาขับรถหนี เมาอยู่ที่ศาลาหน้าโรงเรียน ตอนนั้นโคตรสำคัญเลยเรื่องความรัก แต่ตอนนี้ผมนั่งถามเพื่อนว่ามึงจำได้ไหมเรื่องนี้ มันบอกจำได้แต่ไม่มั่นใจเรื่องชื่อผู้หญิงคนนั้นว่ะ แล้วเราก็หัวเราะกัน หากเราพิจารณาเรื่องในอดีตที่โคตรสำคัญและไม่คิดว่าเราจะผ่านเรื่องนั้นไปได้ยังไง ฉันต้องตายแน่ๆ เมื่อขาดเธอ พอเวลาผ่านไปเราแทบจำอะไรไม่ได้ เลย ดังนั้นอย่ายึดติดกับปัจจุบันมากมายนัก เพราะในเมื่อยังมีวันพรุ่งนี้ เรื่องความเจ็บปวดในวันนี้อาจจะเป็นเรื่องสนุกในวงสนทนาก็เป็นไปได้ แต่ให้เราทำเต็มที่ในเวลาปัจจุบันเท่านั้นก็พอ แต่อย่าหลงลืมว่าเรามีวันพรุ่งนี้ เรามีปีหน้า เรามีบทสนทนาใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้และก้าวต่อไป ผิดพลาดมันมีไว้เพื่อเป็นบทเรียน ไม่ใช่เพื่อการทำลายกำลังใจ มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ถ้ามนุษย์ทำทุกอย่างสำเร็จในทุกสิ่งที่คิด มันก็คงจะไม่มีความสุขเมื่อสำเร็จหรอกเพราะถือเป็นเรื่องธรรมดา ปกติแล้ว ถ้าเราคิด สิบอย่าง สำเร็จแค่อย่างเดียวก็เก่งแล้ว ดังนั้นการล้มเป็นบทเรียน เป็นครูที่ดีที่สุดในชีวิต จงเรียนรู้กับความผิดพลาดและเติบโตไปพร้อมกับมัน …. ตอนนี้ผมมีบทสนทนาในหัวที่วนเวียนอยู่แค่เรื่อง เรียนต่อ ครอบครัว การแต่งงาน การทำงาน ลูกค้า ดังนั้นบทสนทนาของผมช่วงนี้ก็อาจจะซ้ำๆ ซากๆ ไปบ้าง แต่เชื่อเถอะสักพักผมจะชวนคุยเรื่องใหม่ … ถ้าพวกคุณยังอยากอ่านและคุยกับผมอยู่นะครับ

Back to Top