ถึงวัยที่เดินช้า

ผมเริ่มเดินช้าลง ทำอะไรช้าลง ไม่ได้มีความคาดหวังอย่างเช่นเคย อาจจะเป็นเพราะว่าชินชากับความสำหวังและผิดหวังแล้วหรือเปล่า ทำให้ผมมองโลกในวัยสี่สิบสอง มองโลกในอีกแบบหนึ่ง ทั้งที่โลกนั้นยังคงใบเดิมอยู่แบบนั้น โลกมันยังหมุนอย่างที่มันเคยเป็นมาตลอด ผมพยายามหาคำตอบเหมือนกันว่าทำไม ผมถึงรู้สึกถึงความเชื่องช้าของเส้นเวลาของผมเอง จากแต่ก่อนผมเลือกที่จะเดินมุงไปตามความหวังและความฝัน อยากเรียนรู้อยากลอง อยากมีประสบการณ์ใหม่ ๆ อยากเติบโตในหน้าที่การงาน มีความหวังความฝันเปี่ยมล้น ตอนนี้ ผมอยู่ในวัยที่เริ่มเดินช้า มองโลกในความเป็นจริงมากขึ้นหรือเปล่า ผมประเมินความสามารถของผมเอง ประเมินต้นทุนในชีวิต ประเมินตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากความเจ็บปวดและผิดหวังมาจนชินชาหรือเปล่า

ส่วนใหญ่ในการทดลอง “ใช้ชีวิต” ของผมจะมีความล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ จะว่าล้มเหลวก็ไม่เชิงส่วนใหญ่จะไม่เป็นไปอย่างที่ผมคาดหวังไว้มากกว่า แต่ผลของการทดลองใช้ชีวิต มันก็ช่วยให้ผมได้เติบโตขึ้น เมื่อปีที่แล้วผมได้ลองไปใช้ชีวิตที่ เมลเบิร์น ซึ่งเมืองในออสเตรเลียประมาณหนึ่งปี โดยเบื้องต้นความคาดหวังก็เพื่อเดินทางและเติบโต มองหาโอกาสในงานของผมและภรรยา แต่หลายสิ่งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเนื่องด้วยตัวผมเองไม่พร้อมในการเตรียมใจที่จะปรับสถานะทางสังคมจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้เป็นคนที่อยู่ในอีกแบบหนึ่ง ผมเลือกที่จะกลับมาประเทศไทยด้วยวัยของผมล่วงเข้าสี่สิบกว่าปีทำงานไม่ไหวเหมือนวัยหนุ่ม เรี่ยวแรงร่างกายนั้นไม่เหมือนเก่า การที่จะเอาแรงเข้าแลกเงินนั้นจึงทำไม่ได้อย่างที่ใจหวัง ผมกลับมาพร้อมด้วยอาการป่วย ภูมิแพ้และเอ็นข้อมือซ้ายอักเสป เป็นอาการที่ปวดมากจนแทบนอนไม่ได้ แต่ผมไม่ได้กลับมามือเปล่า ผมหอบกลับมาด้วยประสบการณ์ในการใช้ชีวิตหลายสิ่ง ผมทำความสะอาดห้องน้ำทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำเพราะติดเป็นนิสัยที่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับคนอื่นที่ออสเตรเลีย ผมทำความสะอาดครัวเมื่อทำกับข้าวเสร็จทันที ผมพอใจกับเรื่องง่ายๆ มากขึ้น แต่ก่อนผมไม่พอใจในตัวเอง ไม่พอใจในทุกสิ่งที่เป็นตัวเอง ไม่ได้ขอบคุณและรักตัวเอง แต่เมื่อผมกลับมา ผมรักตัวเองเพิ่มขึ้น ผมโอบกอบและปลอบประโลมตัวเองมากขึ้น ผมให้อภัยตัวเองเก่งขึ้น มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับผมถือเป็นเรื่องราวที่ดีมากและเติบโตขึ้นในวัยสี่สิบสอง

ตอนนี้ผมได้ข้อเสนอเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯระดับกลาง (ทุนจดทะเบียนหลักพันล้าน) ผมไม่ได้คาดหวังงานนี้จะให้อะไรกับผม ผมแค่สนุกกับงานนี้ในเวลานี้เท่านั้น ผมไม่รู้ว่าผมจะทำงานนี้งานเท่าไหร่ เพียงแต่ผมรุ้ว่าผมจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดตราบที่ผมยังทำอยู่ ชีวิตผมเลือกที่จะเดินช้าลง ทำงานช้าลง มีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น มีคาวมสุบกับเรื่องง่ายๆ รอบตัว ผมทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายทุกวัน ดื่มเบียร์พอประมาณ รักสุขภาพมากขึ้น ยิ้มกว้างขึ้นและใช้ชีวิตช้าลงจากเดิมเยอะมาก ผมในวัยสี่สิบสองค่อยๆ เดินในแต่ละก้าว ทานข้าวในแต่ละคำ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ภายใต้อนาคตที่วาดไว้แต่ยังไม่ได้หวัง มีแผนสำรองเผื่อหลบหนีหากเกิดความผิดพลาดจากแผนหลัก ดังนั้นจะบอกว่าผมพอใจในชีวิตตัวเองในวัยนี้ก็ว่าได้ ผมเดินช้าลง ทำอะไรช้าลง ไม่ได้เพราะแก่ขึ้น เพียงแต่ผมเลือกใช้ชีวิตช้าลงเพราะต้องการชื่นชมและมีความสุขกับชีวิตในแต่ละวันมากขึ้น ก็เท่านั้นเอง

ใส่ความเห็น

Back to Top