การเดินทางของเวลาที่เป็นเส้นตรง

จากแรกเกิดสู่วัยเยาว์ไร้ยั้งคิด => จากวัยเยาว์เฝ้าเรียนรู้สู่วัยแรกรุ่นสดใส => จากวัยรุ่นเข้าสู่วัยมหาลัยอยากลอง => จากมหาลัยสู่วัยเริ่มทำงานลองผิดถูกในงาน => จากวัยเริ่มทำงานเรียนรู้ประสบการณ์เข้าสู่วัยสร้างตัว => “จากวัยสร้างตัวเข้าสู่วัยมั่นคง” => !! หยุดไว้ตรงนี้ก่อนผมเพิ่งเดินทางเรียนรู้มาถึงตรงนี้ เพราะผมไม่รู้ชีวิตผมจะเรียนรู้อะไรต่อไปบ้าง สวัสดีวันเด็กครับ

รูปปั้นหญิงอุ้มเด็ก

หากมองย้อนกลับไปในสังคมแห่งความเหลื่อมล้ำ ความห่างชั้นของแต้มต่อนั้นทำให้ไม่ง่ายเลยที่ชนชั้นรากหญ้าจะลืมตาอ้าปากได้ ระบบการศึกษา ระบบอุปถัมภ์และอีกหลายระบบที่คอยกดหัวให้ลูกหลานคนจนห่างชั้นกับชนชั้นกลางและยิ่งเรียกว่าอยู่คนละโลกกับสังคมชั้นสูง การจะตะเกียกตะกายปรับชนชั้นของสังคมมันไม่ใช่เรื่องง่ายหลายครั้งการยอมรับจากสังคมที่ปรับเปลี่ยนไม่ใช่เพียงมีฐานะขึ้นแล้วจะปรับเปลี่ยนทั้งหมดโดยใช้เงินซื้อมันยังมีวิธีการคิด กระบวนการคิดที่ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ผมว่าความจนไม่ผิดแต่ถูกโครงสร้างสังคมออกแบบผู้คนให้เป็นแบบนี้ มีหลายคนที่พยายามโทษการศึกษาว่ามันไม่ประสบความสำเร็จ ผมกับมองตรงกันข้าม ผมว่าการศึกษามันประสบความสำเร็จอย่างมากตามวัตถุประสงค์ของมัน เพียงแต่ว่าวัตถุประสงค์ของการศึกษาที่ออกแบบจากชนชั้นผู้ปกครองมันไม่ใช่อย่างที่เขาบอกกับเราเพราะแท้จริงแล้ววัตถุประสงค์แห่งการศึกษาคือการสร้างแรงงานเพื่อหาเงินจ่ายภาษี ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อเป็นผู้ปกครอง ดังนั้นระบบการศึกษาจึงถูกออกแบบให้ผลิตแรงงานที่เชื่อง ไม่ตั้งคำถาม ไม่เกิดการโต้เถียง การถกเถียงด้วยเหตุผลเป็นสิ่งไม่ดี ผู้ใหญ่ ครูเป็นตัวแทนแห่งอำนาจต้องถูกเสมอและอีกหลายอย่างหากมองย้อนไปด้วยธงที่ว่า โรงเรียนมีไว้เพื่อสร้าง “แรงงาน”และ “ผู้ถูกปกครอง” ให้กับประเทศ เราจะพบว่าการศึกษามันทำงานของมันสำเร็จแล้ว แต่อาจจะมีส่วนน้อยในเด็กผู้พยายามหลุดพ้นเรียนรู้ต่อสู้กับระบบเหล่านี้ หากนับดูก็จะเหลือเพียงส่วนน้อยที่รอดพ้นหากเทียบกับจำนวนประชากรของทั้งประเทศที่ผ่านระบบการศึกษา ดังนั้นหากไม่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศจากชนชั้นปกครอง ประชาชนก็จะเป็นแรงงานต่อไป การปรับเปลี่ยนสถานะทางสังคมมันจึงเป็นได้ยากยิ่ง

ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องโหดร้ายขัดต่อความเชื่อใครหลายคน อาจจะดูใจดำที่ยกความจริงแห่งความเลื่อมล้ำของชนชั้นขึ้นมาพูดในวันเด็กแบบนี้สำหรับผมความจริงหลายอย่างมันโหดร้ายกว่านี้มาก การหลอกลวง, Propaganda , การโกหกหน้าด้านคำโตและอีกหลายอย่างมันเหมือน”ฝิ่น” มีความสุขไปพ้นวันพรุ่งนี้ว่ากันใหม่แต่หากเราเข้าใจและยอมรับว่ากำแพงชนชั้นมันมีอยู่จริง มากน้อยก็แล้วแต่จุดที่เรายืนอยู่และสังคมย่อยของคุณผมไม้รู้

แต่ในเด็กรุ่นใหม่กำแพงการศึกษาของเขาหดย่อลงด้วยเทคโนโลยีทำให้เด็กเข้าถึงการศึกษาได้อย่างไม่จำกัดทำให้การเติบโตทางความคิดและพัฒนาการของเด็ก ๆ นั้นก้าวกระโดดจนแทบตามไม่ทัน ความเลื่อมล้ำที่เป็นอุปสรรคใหญ่ก็คือพ่อแม่ที่จะอบรมเลี้ยงดูลูกให้มีทัศคติในการดำเนินชีวิตมากกว่า “เงิน” ที่จะสนับสนุนให้ลูกเดินไปข้างหน้า ความเข้าใจของพ่อแม่ในความห่างชั้นของพ่อแม่กับลูกที่เราจะขัดขวางเขาเพราะเรา “ไม่เข้าใจ” มันคืออุปสรรคใหญ่ชี้เป็นตายว่าลูกเราจะเดินไปทางไหน ตอนนี้ความเลื่อมล้ำหนักคือทัศคติของเด็ก ถ้าเด็กคนไหนมันทัศนคติที่ดีเขาจะพาตัวเองไปสุดปลายฟ้า ส่วนคนไหนที่มีทัศนคติในการดำเนินชีวิตที่ไม่ดีมันก๋จะพาเขาดำดิ่งลงเหวดำมืดอย่างไม่จำกัด ไอ้พวกที่อยู่ตรงกลางค่อนข้างน้อย มันจึงสำคัญมากในการปลูกฝังทัศนคติตั้งแต่ยังเด็กและวัยรุ่นวัยแห่งการเพาะบ่มความคิดและนิสัย

ผมไม่รู้ว่าสังคมนี้จะไปต่อแบบไหน แต่ผมจะเฝ้าดูและหวังว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น หากโครงสร้างสังคมเปลี่ยนหวังว่าทุกอย่างคงเปลี่ยนไปในทางที่ดี

ใส่ความเห็น

Back to Top