ต้มยำและไข่เจียว

                         ผมเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง และเคยชินกับอากาศหนาวอยู่บ้าง แต่นี้เป็นเช้าวันแรก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่เหน็บหนาวกว่าทุกที่ซึ่งผมเคยเดินทางมา ผมตื่นประมาณหกโมงเช้าและทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้ว เวลานี้ชายไทยร่างเตี้ยป้อมแบบผมกำลั่งนั่งหิ้วท้องรอ นุ่น ภรรยาของผมที่กำลังสนุกสนานกับการนั่งสุขาในห้องน้ำ ฮัมเพลง7 years ของ Lukas Graham วนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแค่ท่อนเดียว โดนไม่สนใจ พยาธิตัวตืดที่ติดมากจากเมืองไทยในท้องผมจะหิวโหยสักเพียงไหน …​ผมพยายามข่มความหิวด้วยการดูการ์ตูนในทีวีรัสเซีย แต่สุดจะทานทนกับความหิวได้ กว่านุ่นจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เกือบจะแปดโมงครึ่งแล้ว … ผมใส่เสื้อฟุตบอลสีแดงพร้อมกางเกงบอลขาสั้นเดินลงมาจากห้องนอน มาทานข้าวเช้าที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องอาหารเช้า และผู้ที่รอเราอยู่คือพนักงานโรงแรมวัยกลางคนพร้อมใส่ชุดแม่บ้านโรงแรมเหมือนที่ดูในหนังยุคเก่า คอยอุ่นอาหาร ชงกาแฟให้เรา ผมแอบเกร็งเล็กน้อยด้วยสภาพการแต่งตัวที่เรียกว่าต่ำชั้นเลยก็ว่าได้แต่ได้รับบริการอย่างเช่นเดียวกับเจ้าใหญ่นายโต เราทานอาหารรัสเซียมื้อแรกด้วยความหิวโหยจนแจกไม่ออกว่าสิ่งนี้เรียกว่าอร่อยหรือเปล่า รู้แค่เพียงว่าเราอิ่มแล้ว
                             วันนี้เป้าหมายเราคือ พระราชวังฤดูหนาว hermitage museum จะเรียกว่าเป็นเป้าหมายหลักในการมาเที่ยวเมืองนี้ก็ว่าได้ เพราะเล่าลือกันว่า พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาชเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีงานศิลปะจัดแสดงมากกว่าสามล้านชิ้น สายพิพิธภัณฑ์แบบเราสองคน เรียกว่าหนูตกถังข้าวสารก็ว่าได้เราใช้เวลาเดินชื่นชมความงามในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ราวๆ 7 ชั่วโมง ครับฟังไม่ผิดหรอก เราเดินวนอยู่ในนี้ 7 ชั่วโมงถามว่าทั่วไหม ตอบว่าไม่ทั่วครับ มีหลายมุม หลายซอกที่เราไม่ได้ไปเดินผ่าน สวยงาม ร่ำรวย ยิ่งใหญ่ คำเหล่านี้น่าจะใช้แทนสิ่งที่เราพบเจอได้ เราสองคนแทบจะไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปสักเท่าไร เพราะเราไม่อยากให้กล้องมาบดบัดสายตาของเรากับความงดงามเหล่านั้น เลาล่วงไปหกโมงเย็นเราออกจากวังด้วยสภาพเหนื่อยอ่อน ท้องร้องหิวข้าว เราเลือกเดินกลับโรงแรมแทนที่จะใช้บริการรถสาธารณะ เพื่อชื่นชมผู้คน สำรวจเมือง สำรวจร้านอาหารของสด ตลอดจนสิ่งต่างๆ ระหว่างทาง เพราะการเดินทางของเราไม่ได้มาเพื่อชื่นชมเพียงความสวยงามเราเจตนาลิ้มรสชาติของวิถีสังคมของเมืองที่เราได้มาเยือนด้วย ….
                            วันนี้อากาศหนาวผมจะทำต้มยำกับเจียวไข่ เลยต้องมองหาแหล่งวัตถุดิบหน่อย โดยหนึ่งในเคล็ดลับการเดินทางของผมได้มาจากเพื่อนชาวต่างชาติที่แตะบอลด้วยกันภายหลังจิบเบียร์ขวดที่ 3 เพื่อนผมก็ได้สำรอกภาษาอังกฤษแบบลิ้นรัวว่า “เฮ้ย แกร ถ้าจะประหยัดและอร่อยนะ แกรต้องพักในโรงแรมที่มีครัว และทำกินซะวัตถุดิบเยอะแยะ” ผมเคยลองใช้วิธีการนี้ครั้งไปยุโรปรอบที่แล้ว แต่ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผลปรากฎว่า อาหารกระป๋องจากไทยที่ผมหอบไปนั้นมีค่าดั่งทองคำ มารอบนี้ สิ่งที่ผมมองหาจากโรงแรมไม่ใช่ สระว่ายน้ำหรือบริการแบบห้าดาว แต่ผมมองหาห้องพักที่สามารถทำครัวได้ และโรงแรมนี้ตอบโจทก์ผมอย่างมากสามารถทำครัวได้เหมือนอยู่บ้าน ผมหอบเครื่องปรุงน้ำปลาไปจากไทย และไปหาซื้อเนื้อสัตว์สดๆ จากซุปเปอร์มาเก็ตแถวบ้าน…. ในส่วนข้าวสวยนั้นผมก็ซื้อแบบกึ่งสำเร็จรูปไปเข้าไมโครเวฟแล้วทานได้เลย .. ผมแวะเลือกของเสร็จบอกเลยว่าราคาของสดนั้นถูกกว่าราคาของสดในประเทศไทยเสียอีกไม่ว่าจะเป็นไก่ หรือเนื้อหมู ถูกและรู้สึกสะอาดกว่าในไทย …​เมนูวันนี้ ต้มยำไก่ และไข่ไก่ที่เปลือกสีขาวเจียว กับข้าวสวย มีของหวานนิดหน่อยพร้อมเบียร์ ท้องถิ่น … ผมจัดแจงทำอาหารราว 20 นาที อาหารง่ายๆ รสชาติไทยๆ กลางเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ก็พร้อมบริการภรรยาผู้หิวโหยของผมแล้ว และยังมีเหลือเล็กน้อย ให้นุ่นเดินไปแบ่งปันพนักงานประจำโรงแรมได้ลิ้มลองรสชาติอาหารไทยด้วย …​ไม่รู้จะทานได้ไหมนะ แต่ก็อยากให้เค้าลองดู ภายหลังท้องอิ่มหนังตาเริ่มหย่อน ความเหนื่อยก็เข้าเกาะกินร่างกาย ถึงเวลาที่เราต้องพักผ่อนเสียที ในระหว่างรอนุ่นอาบน้ำ ผมก็เปิด Youtube ผ่านทีวีดูละครไทยย้อนหลังจากบางวินาทีผมลืมว่าเราไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ความคิดถึงบ้านเรานั้นถูกอาหารไทยและละครไทยบรรเทาความคิดถึงไปได้อย่างปลิดทิ้ง ผมนั่งจิบเบียร์เบาๆ กับถั่วดูละครไทยระหว่างรอ พรางตะโกนถามนุ่นว่าพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันดี คำตอบคือไม่รู้ แล้วแต่สภาพอากาศและgoogle ค่อยว่ากัน…​สิ้นเสียงตอบผมก็ นั่งกินถั่วต่อไป จนไม่กังวนว่า มีอะไรรอเราอยู่ในวันพรุ่งนี้ ….
                             สิ่งหนึ่งที่ผมได้พบเจอระหว่างทางวันนี้คือความมีน้ำใจของคนรัสเซีย ซึ่งขัดต่อภาพลักษณ์ คนที่ไม่ยิ้มแย้มเป็นอย่างมาก ความมีมารยาท การพูดจาเสียงเบาๆ จนผมกับนุ่นรู้สึกว่าเค้าถูกฝึกแบบไหนกันมาถึงได้พูดจากันเสียงเบาขนาดนี้แล้วรู้เรื่องกันได้ เราได้รู้ว่าคนรัสเซียขับรถได้แย่มาก เราได้ทดสอบขีดจำกัดของเครื่องกันหนาวของเราว่ามันไร้ค่าแค่ไหนในอุณหภูมิ -1 แล้วมีลมพร้อมฝน หลายๆ สิ่งเราได้เรียนรู้จากการเดินทาง ได้คุยกับผู้คน ได้สังเกตุ พฤติกรรมและพยายามเข้าในความเป็นไปของพฤติกรรมนั้น เราสองคนจะพยายามตอบคำถามจากพฤติกรรมต่างๆ เราจะคอยคาดเดาและเข้าใจความเป็นมาของแต่ละชาติพันธุ์ ไม่ใช่เพื่อการโอ้อวดถือดีเหยียบย่ำ แต่เพื่อการนำมาพัฒนาจดบกพร่องของพฤติกรรมของเราเอง เราสองคนชอบเดินทาง ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ ชอบดูพิพิธภัณฑ์ เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ใช่เพียงสำรวจมองหาสิ่งสวยงามของสิ่งของเพียงเท่านั้น หากแต่เราต้องการศึกษารากเหง้าความเป็นมาของวิธีการคิดของชาติพันธุ์นั้นๆ อีกด้วยต่างหาก … พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้ จะเดินอีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อถึงวันพรุ่งนี้

ใส่ความเห็น

Back to Top